(Minghui.org) ขณะนี้ขั้นตอนการเจิ้งฝ่ารุดหน้าไปสู่ระดับชั้นสูงขึ้นมากในจักรวาล และผู้ฝึกต้าฝ่าควรบรรลุให้ถึงระดับชั้นสูงนั้นตามไปด้วย ผู้บำเพ็ญจะปล่อยวางอารมณ์และความผูกพัน (ฉิง) และความนึกคิดของมนุษย์เพื่อให้ได้มาตรฐานของฝ่าได้อย่างไร ฉันรู้สึกว่าโดยพื้นฐานคือการขจัดจิตยึดติดในชื่อเสียงผลประโยชน์และฉิงออกไป เราจะมองโลกด้วยความเมตตาได้ก็ต่อเมื่อเราไม่มีฉิงแล้วเท่านั้น

ท่านอาจารย์หลี่ หงจื้อ ผู้ก่อตั้งฝ่าหลุนกงกล่าวว่า

"ข้าพเจ้ารู้ว่าไม่มีฉิงคือความรู้สึกอย่างไร (อาจารย์ชี้ที่ใจ หัวเราะ) สำหรับสรรพชีวิตมันคือความเมตตา กับฉิงคือคนละเรื่องกันอย่างสิ้นเชิง มันคือความหมายกว้างมากชนิดหนึ่ง แต่ความรู้สึกของฉิงคือสิ่งที่ไม่จำเป็นชนิดหนึ่ง รู้สึกน่าเหนื่อยหน่าย ก็เหมือนกับคุณได้ยินและรู้สึกถึงสิ่งที่ไม่น่าพอใจอย่างมาก คุณมองเห็นว่าเป็นสิ่งที่ไม่ควรมีเหมือนกัน คือปฏิเสธมัน" (การบรรยายธรรมที่กรุงวอชิงตันดีซี ค.ศ. 2018)

การปล่อยวางฉิง

สรรพชีวิตในแต่ละมิติภายในตรีภูมิล้วนจมอยู่ในฉิง พวกเขาล้วนมีต้นกำเนิดและพันธกิจของตนเอง เนื่องจากการดำรงอยู่ของฉิงและความปรารถนา ผู้คนในชีวิตเรา เช่น พ่อแม่พี่น้อง สามีภรรยา ญาติมิตร และคนที่รู้จักกัน จึงเชื่อมโยงกันและกันด้วยเหตุผลนานัปการ ถ้าผู้ฝึกไม่สามารถตื่นขึ้นมาจากภาพลวงตาของมิตินี้ได้ ก็ยากสำหรับเขาที่จะบำเพ็ญให้ดีเพื่อยกระดับเป็นชีวิตชั้นสูงได้

การปล่อยวางฉิงและพิจารณาปัญหาต่าง ๆ โดยใช้ฝ่าระดับสูงยิ่งขึ้น จะทำให้เราสามารถระบุได้อย่างง่ายดายว่าสิ่งใดเป็นการรบกวนของอิทธิพลเก่าและชีวิตระดับชั้นต่ำ และไม่ตกเป็นเหยื่อของการจัดวางจากพวกเขา

เราควรพยายามปล่อยวางความนึกคิดของมนุษย์ และแลกเปลี่ยนประสบการณ์การบำเพ็ญระหว่างกันอย่างจริงจัง ด้วยความสามารถอันทรงพลังที่ท่านอาจารย์มอบให้เรา เราควรกำจัดปัจจัยด้านลบต่าง ๆ และหลีกเลี่ยงการก่อความยุ่งยากที่ไม่จำเป็นในการยืนยันความถูกต้องของฝ่า เราต้องชี้ให้เห็นปัญหาที่เราสังเกตเห็นให้ทันเวลา และแก้ไขปัจจัยที่จะนำเราออกนอกเส้นทางของฝ่าให้กลับมาถูกต้อง

เมื่อฉิงของฉันลดลง ฉันก็สามารถช่วยท่านอาจารย์ในการเจิ้งฝ่าได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ฉันสามารถมองเห็นได้อย่างง่ายดายว่าฉิงของฉันลดลงเนื่องมาจากฝ่าหรือเนื่องมาจากปัจจัยอื่น ๆ ในมิติของมนุษย์ ฉันและเพื่อนผู้ฝึกจึงสามารถทำงานในทุกโครงการของต้าฝ่าโดยอยู่ในเส้นทางที่ถูกต้อง แทนที่จะหลงทางและเสียเวลา ผลที่ตามมาก็คือโครงการของต้าฝ่าทุกโครงการช่วยให้พวกเรายกระดับและหลอมรวมเข้ากับฝ่าได้อย่างสมบูรณ์

ความล้มเหลวในการปล่อยวางฉิงจะส่งผลกระทบต่อทุกด้านของการบำเพ็ญ แม้ผู้ฝึกเพียงคนเดียวในกลุ่มที่ศึกษาฝ่าด้วยกันมีจิตยึดติดต่อความนึกคิดของมนุษย์ จิตยึดติดนั้นของเขาจะขัดขวางการยกระดับร่วมกันภายในกลุ่ม และส่งผลให้ปัญหาในการบำเพ็ญจำนวนมากไม่ได้รับการแก้ไข

มีตัวอย่างเกี่ยวกับผู้ฝึกที่ฉันรู้จักคนหนึ่ง เขาเป็นคนอารมณ์รุนแรงและยึดมั่นในฉิง เขาเข้าร่วมกลุ่มศึกษาฝ่าหลายกลุ่ม เขาชอบสนทนาและมีวาทศิลป์ในการพูดเกี่ยวกับหลักการของฝ่าและมักนำไปเชื่อมโยงกับเรื่องราวการบำเพ็ญของผู้ฝึกคนอื่น ๆ และพูดได้อย่างมีเหตุมีผล แต่เขาแทบจะไม่เคยพูดถึงประสบการณ์ของตัวเองเลย เขามักจะเน้นย้ำอยู่เสมอว่าเขาทำงานหนักเพียงไรในการช่วยท่านอาจารย์เจิ้งฝ่า

ผู้บำเพ็ญหลายคนคิดจากมุมมองของมนุษย์ว่าเขาขยันหมั่นเพียรในการบำเพ็ญ และน้อยคนมากที่จะประเมินเขาด้วยมาตรฐานของฝ่าเนื่องจากฉิง ฉันมองเห็นด้วยความสามารถเหนือธรรมชาติว่าผู้ฝึกคนนี้ถูกล้อมรอบด้วย "ตัวตนเท็จ " และไม่ได้แลกเปลี่ยนจากมุมมองของฝ่าอย่างแท้จริง

ฉันรู้สึกว่ายิ่งผู้ฝึกคนนี้แลกเปลี่ยนประสบการณ์ของเขามากขึ้น เขาก็ยิ่งทำร้ายเพื่อนผู้ฝึกมากขึ้นตามการก้าวไปข้างหน้าของการเจิ้งฝ่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ ผู้ฝึกคนนี้ต้องทนทุกข์กับกรรมแห่งโรคอย่างรุนแรง ทุกคนจึงได้ประจักษ์แจ้งว่าการบำเพ็ญอย่างผิวเผินของเขาเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายอย่างมากต่อฝ่า

การรับรู้ของฉัน

ในเช้าวันหนึ่งขณะที่ฉันนอนบนเตียงอย่างเฉื่อยชา แม่ถามฉันว่า "ลูกยังจะฝึกท่าหรือเปล่า"

แม้คำถามของแม่จะดูธรรมดา ๆ แต่ก็ทำให้ฉันรับรู้ได้ว่าผู้ฝึกไม่ควรพูดว่า "ฉันจะไม่ฝึกท่า" ฉันรู้ว่ามันคือการทดสอบของอิทธิพลเก่าอย่างแน่นอน

"ฝึกแน่นอน !" ฉันตอบและรีบลุกขึ้นจากเตียง

ตั้งแต่นั้นมาฉันไม่เคยอืดอาดที่จะฝึกท่าในตอนเช้า ถ้ามีบางสิ่งบางอย่างพิเศษขึ้นมาและฉันไม่สามารถฝึกท่าได้ ฉันก็จะฝึกชดเชยในภายหลัง ฉันเข้าใจว่าการพลาดโอกาสจะไม่สามารถกู้คืนมาได้ เราไม่ควรละทิ้งโอกาสในการบำเพ็ญสำเร็จบริบูรณ์ (หยวนหมั่น) ที่ท่านอาจารย์ได้จัดวางไว้ให้กับพวกเรา

ครั้งหนึ่งแม่ของฉันบอกว่า "เอาขยะลงไปตอนที่ลูกลงไปข้างล่างด้วยนะ"

นี่เป็นเพียงประโยคธรรมดา ๆ แต่ฉันก็ตระหนักได้ว่าผู้ฝึกควรระมัดระวังความคิดและคำพูดของพวกเขา ในเวลาเดียวกันฉันก็เห็นชีวิตที่ชั่วร้ายกำลังจ้องมองมาที่ฉันจากมิติของแม่ ฉันบอกกับตัวเองว่า "ความชั่วร้ายนี้ไม่สามารถทดสอบฉันได้ ฉันรู้อย่างชัดเจน ฉันจะไม่ตกไปข้างหลัง ฉันจะบำเพ็ญอย่างขยันหมั่นเพียรและพยายามยกระดับให้ได้"

ปราศจากความยึดติดในฉิง ฉันรู้สึกว่าไม่ถูกควบคุมอย่างแท้จริง เมื่อฉันกับแม่กำลังส่งความคิดถูกต้อง (ฟาเจิ้งเนี่ยน) ในตอนเที่ยงวันหนึ่ง ท่านอาจารย์ได้มอบแรงพลัง (กงลี่) สูงและสว่างจ้าให้แก่ฉัน ทำให้ฉันท่องไปในจักรวาลได้อย่างอิสระ ฉันถามโดยไม่ยั้งคิดว่า "ท่านอาจารย์ ขอฉันมองสวรรค์ของฉันผ่าน ๆ ได้ไหม"

ทันใดนั้นฉันได้ผ่านทะลุมิติมากมายและไปถึงสวรรค์ของฉัน เนื่องจากฉันขอเพียงเห็นแบบผ่าน ๆ เท่านั้น ฉันจึงไม่กล้าอยู่ที่นั่นนานนัก และรีบกลับสู่โลกมนุษย์อย่างรวดเร็ว ฉันรับรู้ว่าท่านอาจารย์ให้กำลังใจฉัน เพื่อให้ฉันบำเพ็ญอย่างขยันหมั่นเพียร เนื่องจากนี่คือกระบวนการของการบำเพ็ญที่พัฒนาขึ้นมาเพื่อไปสู่การหยวนหมั่น

วันหนึ่งที่กลุ่มศึกษาฝ่า ฉันได้มองเห็นจากระดับชั้นของฉันว่า ท่านอาจารย์ได้ให้ชามใบใหญ่ที่มีนํ้าเต็มแก่พวกเรา และพวกเราก็ช่วยกันประคองมันไว้เหนือศีรษะอย่างระมัดระวัง ฉันรับรู้ได้ว่าผู้ฝึกทุกคนต้องรักษาสถานที่ศึกษาฝ่าให้สะอาดและบริสุทธิ์อยู่เสมอ

การบำเพ็ญอย่างแท้จริง

ผู้ฝึกต้าฝ่าต้องปฏิบัติตามมาตรฐานของ ความจริง - ความเมตตา - ความอดทน อย่างเคร่งครัด เพื่อบำเพ็ญความคิดของตัวเอง และขจัดการจัดวางของอิทธิพลเก่าได้อย่างสมบูรณ์ พวกเขาไม่ควรพยายามปกป้องหลักการของชีวิตระดับชั้นต่ำ และไม่ควรลืมตัวตนที่แท้จริงของตัวเอง ศิษย์ต้าฝ่าทุกคนต้องปฏิบัติต่อฝ่าอย่างจริงจัง พวกเขาจะเป็นชีวิตที่น่านับถืออย่างแท้จริงถ้าพวกเขาคิดถึงพันธกิจที่ยิ่งใหญ่ของพวกเขาอย่างจริงจัง

ท่านอาจารย์สอนพวกเราว่า

"พอพูดถึงตรงนี้ ข้าพเจ้าก็คิดอยู่ว่า เรื่องนี้มีความเข้มงวดเพียงไร เข้มงวดถึงอย่างนี้ แต่หลายคนไม่สามารถปฏิบัติต่อด้วยความเข้มงวด โดยเฉพาะคือศิษย์ต้าฝ่ารุ่นเก่าบางคน ท่านเคยคิดไหมว่าการดำเนินชีวิตทั้งหลายทั้งปวงของท่าน ล้วนอยู่ในระหว่างการบำเพ็ญหรือเปล่าละ แต่ละคำพูด การกระทำของท่าน ทุกสิ่งที่ท่านทำ ท่านล้วนอยู่ในระหว่างบำเพ็ญ ท่านทราบไหม” (“การบรรยายธรรมในวันฝ่าหลุนต้าฝ่าโลก”)

“คนทำ เทพดู จดบันทึกไว้” (“คนกำลังทำ เทพกำลังดู” หงอิ๋น 4)

ผู้ฝึกต้าฝ่าชำระตัวเองให้บริสุทธ์อย่างต่อเนื่องในขณะที่พวกเขาช่วยท่านอาจารย์เจิ้งฝ่า ฉันก็ค่อย ๆ ขจัดจิตยึดติดในความรักและความปรารถนา และตระหนักถึงความดีงามของต้าฝ่าอย่างช้า ๆ

ในช่วงเวลาหนึ่ง ฉันรู้สึกได้ว่าร่างกายของฉันทั้งร่างใสเหมือนแก้วขณะที่ฉันกำลังฝึกท่าอยู่ ฉันมักรู้สึกว่าตัวเองถูกชำระให้สะอาด บริสุทธิ์ และยกระดับให้สูงขึ้นโดยท่านอาจารย์และต้าฝ่า บางครั้งฉันรู้สึกว่าร่างกายในอีกมิติหนึ่งค่อย ๆ โผล่ขึ้นมา และจากร่างมนุษย์ในโลกนี้ไป ที่ระดับชั้นนั้น ฉันเข้าใจได้ถึงแก่นแท้ของสรรพสิ่งในโลก

ภายในฝ่า ไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นโดยบังเอิญ ไม่ว่าขนาดเล็กหรือใหญ่ จิตยึดติดของความคิดมนุษย์ในบางครั้งปรากฏออกมาโดยไม่รู้ตัว เราควรจริงจังกับมัน และดำเนินโครงการต่าง ๆ ของต้าฝ่าตามมาตรฐานของฝ่าที่ระดับชั้นของพวกเราแต่ละคน

มีอยู่ครั้งหนึ่ง ขณะที่ฉันกำลังช่วยเพื่อนผู้ฝึกที่มีกรรมแห่งโรคอยู่นั้น ผู้ฝึกอีกคนหนึ่งซึ่งนั่งอยู่ข้างหลังฉันกล่าวอย่างหนักแน่นว่า "พวกเราปฏิเสธทุกการจัดวางของอิทธิพลเก่า !" ในขณะนั้นฉันเห็นฝ่าหลุนลอยออกจากปากเธอไปยังชีวิตชั่วร้ายที่อยู่ในมิติของผู้ฝึกที่ป่วยอยู่ ชีวิตชั่วร้ายดังกล่าวถูกกำจัดในทันที ประสบการณ์ในครั้งนั้นทำให้ฉันรับรู้ได้ว่าการชำระตนเองให้บริสุทธ์และยกระดับในการบำเพ็ญเป็นสิ่งที่สามารถรับประกันความสำเร็จของทุกโครงการของต้าฝ่า

สรุป

ในหลายปีมานี้ที่ฉันได้ช่วยท่านอาจารย์เจิ้งฝ่า ฉันตระหนักอย่างแท้จริงถึงการทำให้ชีวิตของฉันบริสุทธิ์ขึ้นอย่างต่อเนื่อง การยกระดับสูงขึ้นของซินซิ่ง และการทะลวงผ่านระดับชั้นในการบำเพ็ญอย่างต่อเนื่อง จิตหลักของฉันสามารถเดินทางผ่านมิติอื่น ๆ และกลับมาได้ในชั่วพริบตาขณะที่ฉันกำลังนั่งสมาธิ

ท่านอาจารย์เป็นผู้ยิ่งใหญ่ ต้าฝ่าก็ยิ่งใหญ่เช่นกัน ฉันได้เรียนรู้ความหมายของชีวิตจากสิ่งที่ท่านอาจารย์พูดใน "ท้องนภา" ท่านช่วยให้ฉันได้เห็นภาพที่ชีวิตมนุษย์ถอยหลังอย่างมาก ท่านยังทำให้ฉันรู้ว่าฉันยังคงห่างไกลจากระดับชั้นสูงของฝ่า

ท่านอาจารย์พูดว่า "ความมากมายสลับซับซ้อนของชีวิต จะยังคงเป็นปริศนาของมนุษยชาติตลอดไป" ("ท้องนภา" สิ่งสำคัญต่อการพัฒนา)

ท่านอาจารย์ผู้เมตตาได้โปรดยกโทษความผิดพลาดในอดีตของฉันและให้ฉันได้รับรู้ถึงความนัยอันไม่มีที่สิ้นสุดของฝ่า ฉันจะบำเพ็ญด้วยความขยันหมั่นเพียร และติดตามท่านอาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ของพวกเรากลับบ้าน

ขอบพระคุณท่านอาจารย์อย่างสูง !