(Minghui.org) พี่น้องผู้หญิงสองคนและหนึ่งในลูกชายของพวกเธอในเมืองเหมาหมิง มณฑลกวางตุ้ง ถูกสอบสวนในวันที่ 5 กรกฎาคม 2019 เนื่องจากไม่ยอมละทิ้งความเชื่อในฝ่าหลุนกง

ในห้องพิจารณาคดีชั่วคราวที่ศูนย์กักกันหมายเลข 1 ของเมืองเหมาหมิง ทนายความ 5 คน ยื่นคำร้องให้หลิน หลี่เซน ลูกชายของเธอ อู่ เชาฉี และน้องสาวของเธอ หลิน หยานเมย ว่าไม่ได้กระทำผิดตามที่ถูกกล่าวหา

หลิน หยานเมย

หลิน หลี่เชน

อู่ เชาฉี

พ่อของสองพี่น้องในวัย 86 ปี ซึ่งถูกตำรวจทำร้ายในระหว่างที่พวกเธอถูกจับ ถูกสั่งห้ามไม่ให้เข้าร่วมฟังการพิจารณาคดี

ด้านนอกของศูนย์กักกันมีรถตำรวจจอดอยู่หลายสิบคัน เจ้าหน้าที่นั่งอยู่ในรถเพื่อรอดูว่าจะมีผู้ฝึกฝ่าหลุนกงในพื้นที่มาแสดงการสนับสนุนสมาชิกสามคนในครอบครัวนี้หรือไม่

ทนายความของผู้ฝึกปฏิเสธข้อกล่าวหา “ไม่ปฏิบัติตามกฎหมายโดยใช้องค์กรที่เป็นลัทธิ” ที่มีต่อลูกความของพวกเขา พวกเขาโต้แย้งว่าไม่มีกฎหมายใดในประเทศจีนที่ทำให้เข้าใจว่าการฝึกฝ่าหลุนกงเป็นอาชญากรรม ฝ่าหลุนกงเป็นการฝึกฝนจิตใจและร่างกายให้ดีขึ้นซึ่งนำประโยชน์อย่างใหญ่หลวงมาให้ผู้ฝึกทั่วโลก แต่ถูกประทุษร้ายในประเทศจีนซึ่งเป็นบ้านของตัวเองอยู่ที่เดียว

ทนายความยังชี้ให้เห็นว่าพนักงานอัยการไม่สามารถระบุได้ว่าการบังคับใช้กฎหมายข้อใดที่ไม่ได้ปฏิบัติตามและใครคือเหยื่อที่ถูกกล่าวหา

อัยการมีพยานสามคน ได้แก่ หวง ปิงเทียน และหลิน เสี่ยวหยิง (ทั้งคู่เป็นเจ้าหน้าที่จากคณะกรรมการที่พักอาศัยในท้องถิ่น) และหยาง ฟาง (เพื่อนบ้านของหลิน หลี่เชน) พวกเขากล่าวหาว่าผู้ฝึกยื่นเอกสารฝ่าหลุนกงให้ แต่ไม่มีใครปรากฏตัวในศาลเพื่อให้การซักค้าน

ผู้ฝึกยังให้การยืนยันว่าตำรวจพยายามบังคับให้พวกเขาลงนามในรายการทรัพย์สินที่ถูกยึดซึ่งถูกเสกสรรปั้นแต่งขึ้นมา แต่พวกเขาปฏิเสธ ไม่มีการนำสิ่งของที่ถูกยึดมาแสดงเป็นหลักฐานต่อศาล

ในคำแถลงสุดท้าย ทนายความพูดว่าการกักขังลูกความของเขาเป็นเวลาเกือบหนึ่งปีทำให้พวกเขาและครอบครัวเศร้าโคกเสียใจมาก โดยเฉพาะพ่อที่แก่ชราของพวกเขาที่ต้องลำบากในการหาผู้ดูแลคนแก่ที่บ้าน

ทนายความเรียกร้องให้ลูกความของพวกเขาพ้นผิดและได้รับการชดเชยจากรัฐ แต่หัวหน้าผู้พิพากษา เค่อ เซวจุน ตอบว่า "ผมตัดสินแบบนั้นไม่ได้"

อดีตทนายความถูกลงโทษในข้อหาทำหน้าที่แทนผู้ฝึกฝ่าหลุนกง

หลิน หยานเมย ลูกชายของเธอ อู่ เชาฉี และน้องสาวของเธอ หลิน หลี่เซน ถูกจับกุมในเวลาไล่เลี่ยกันเมื่อช่วงปลายเดือนสิงหาคม 2018

อัยการเขตเทียนไป่อนุมัติการจับกุมพวกเขาในวันที่ 1 ตุลาคม 2018 แล้วส่งฟ้องพวกเขาก่อนที่จะส่งคดีไปยังศาลเขตเหมาหนานในวันที่ 10 มกราคม 2019

ครอบครัวของ หลิน หยานเมย ว่าจ้างทนายความสองคนให้ทำหน้าที่แทนเธอ ทนายทั้งสองคือหลิว เชงฉิง และเฉิน เจียหง พวกเขาไม่ได้รับอนุญาตให้ตรวจสอบเอกสารในคดีของเธอ และต่อมาพวกเขาถูกเจ้าหน้าที่ระงับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเพื่อตอบโต้การทำหน้าที่แทนผู้ฝึกฝ่าหลุนกง

ครอบครัวของหลิน หยานเมย บอกว่าพวกเขาสังเกตเห็นเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบติดตามพวกเขา และถ่ายภาพพวกเขาทุกครั้งที่ออกไปกับทนายความ

โดยเฉพาะทนายความเฉินที่ถูกจับกุมในเดือนเมษายน 2019 ประมาณสองสัปดาห์หลังจากที่เขารับคดีของ หลิน หยานเมย หลินมีภาวะความดันโลหิตสูงในช่วงเวลาเดียวกันกับที่ทนายความของเธอถูกจับกุม และได้รับความลำบากจากภาวะสมาธิสั้นและภาวะสูญเสียความทรงจำ

ครอบครัวของ หลิน หลี่เชน ว่าจ้าง เซีย หยานยี ทนายความด้านสิทธิมนุษยชนที่มีชื่อสียงในปักกิ่งซึ่งเคยถูกจับกุมครั้งหนึ่งเมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 2015 หรือที่เรียกว่า “เหตุการณ์ 709” ในวันนั้นมีทนายความและนักเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชนมากกว่าหนึ่งร้อยคน ตกเป็นเป้าหมายของเจ้าหน้าที่รัฐ

ผู้พิพากษาเค่อปฏิเสธที่จะรับเอกสารดำเนินการแทนของทนายเซียเพื่อให้เขาใช้แก้ต่างให้หลินระหว่างการพิจารณาคดี

ทนายความเซียและครอบครัวของ หลิน หลี่เซน ยื่นฟ้องร้องผู้พิพากษาเค่อ ต่อสำนักอัยการท้องถิ่นและศาลชั้นกลางเมืองเหมาหมิง แต่ไร้ประโยชน์

ต่อมาหลิน หยานเมย และหลิน หลี่เชน กับลูกชาย ว่าจ้างทนายความใหม่ 5 คน ซึ่งได้รับอนุญาตให้ทำหน้าที่แทนพวกเขาในศาลได้ในวันที่ 5 กรกฎาคม 2019