(Minghui.org) ท่านอาจารย์เผยแพร่จิงเหวิน 2 เรื่อง “ห่างไกลอันตรายที่เลวร้าย" และ "การซิวเลี่ยนต้าฝ่าคือเข้มงวด” ห่างกันหนึ่งวัน พวกเราหลายคนอ่านจิงเหวินทั้งสองทันทีที่เผยแพร่และเราตกใจมาก

สองประโยคจากจิงเหวิน “ห่างไกลอันตรายที่เลวร้าย” คือ “อาจารย์ไม่ติดค้างคุณ !” และ “คือคุณติดหนี้อาจารย์” กระทุ้งฉันแรงจริง ๆ

ตั้งแต่นั้นมาฉันก็ทำงานร่วมกับผู้ฝึกในท้องถิ่นเพื่อส่งจิงเหวินทั้งสองให้ผู้ฝึกหลายคนที่ล้าหลังในการบำเพ็ญ พวกเขาบางคนตระหนักถึงความร้ายแรงของเรื่องนี้และมุ่งมั่นที่จะลุกขึ้นมาและทำให้ดีขึ้น

การเปลี่ยนแปลงของสองพี่น้อง

วันถัดจากวันที่ฉันดาวน์โหลดจิงเหวินใหม่ทั้งสองของท่านอาจารย์ ฉันกับผู้ฝึกอีกคนไปเยี่ยมเหมยซึ่งเป็นผู้ฝึกในชนบทที่กำลังต่อสู้กับโรคจากกรรม พี่สาวของเธอชื่อหยานก็เป็นผู้ฝึกเช่นกันและอยู่คอยดูแลเธอที่นั่นด้วย เป็นเวลาเจ็ดปีแล้วที่หยานถูกระงับเงินบำนาญของเธอหลังจากรับโทษจำคุกจากการฝึกต้าฝ่า เพราะเธอยุ่งอยู่กับการดูแลเหมย เธอจึงไม่มีแรงที่จะยื่นอุทธรณ์

หลังจากที่เราแนะนำตัวเองแล้ว ผู้ฝึกที่ไปกับฉันก็พูดกับเหมยว่า “ตอนนี้สถานการณ์เร่งด่วนมาก แต่คุณยังคงนอนอยู่ที่นั่น” เราเล่าให้พวกเขาฟังเกี่ยวกับจิงเหวินใหม่ของท่านอาจารย์ แล้วอ่านจิงเหวินออกเสียงให้พวกเขาฟังจากเครื่องอ่านอิเล็กทรอนิกส์ที่ฉันมี

เหมยน้ำตาซึมเมื่อฉันอ่านจบ เธอพูดว่า “ท่านอาจารย์กำลังพูดถึงฉัน โรคของฉันเกิดจากกรรมของฉันเอง แต่ฉันกลับล้มเหลวในการบำเพ็ญตัวเองและมีจิตยึดติดของคนหนักมาก อิทธิพลเก่าจึงถือโอกาสกับจุดรั่วของฉัน ฉันควรมองว่าเป็นสิ่งดี ฉันควรลุกขึ้นมาตอนนี้และไม่นอนอยู่บนเตียงแล้ว” ทันทีที่เธอพูดจบ เธอก็ลุกขึ้นไปเข้าห้องน้ำได้ด้วยตัวเธอเอง ซึ่งก่อนหน้านี้เธอทำไม่ได้ เธอไม่ปฏิบัติกับตัวเองเหมือนผู้ป่วย หรือไม่พึ่งหยานให้ดูแลเธออีก หยานจึงกลับเข้าเมืองมาพร้อมกับเรา

หยานอยู่ในวัย 70 ปีเศษ เธอไม่มั่นใจมากนักว่าจะได้รับเงินบำนาญคืน ฉันให้กำลังใจเธอและย้ำเตือนว่าไม่ว่าเธอจะได้รับเงินคืนหรือไม่ เธอก็ควรใช้มันเป็นโอกาสในการช่วยเหลือคนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ เธอตกลงและเริ่มดำเนินการยื่นคำร้องในเย็นวันนั้น

วันต่อมาหยานไปที่สำนักงานประกันสังคมและสำนักงานกิจการพลเรือน เธอประหลาดใจเมื่อเจ้าหน้าที่ที่นั่นเปิดบัญชีผู้มีรายได้น้อยให้เธอ และบอกว่าเธอจะได้รับเงินช่วยเหลือทุกเดือนนับจากนั้น ในขณะเดียวกันเธอยื่นอุทธรณ์เพื่อขอเงินบำนาญคืนมาได้ด้วย หยานเข้าใจอย่างลึกซึ้งถึงความสำคัญของการบรรลุคำปฏิญาณของเธอและการช่วยเหลือสรรพชีวิต

"ฉันควรทำอย่างไร"

ผู้ฝึกสองคนในกลุ่มศึกษาฝ่ามีอาการเบาหวานคล้ายกันและการมองเห็นภาพไม่ชัด หนึ่งในนั้นตระหนักว่ามันไม่ใช่โรค แต่อิทธิพลเก่าถือโอกาสจากจิตยึดติดของเธอ เธอหยุดกินยาเมื่อสามสัปดาห์ก่อนและศึกษาฝ่าเพิ่มมากขึ้น ส่วนอีกคนหนึ่งยังคงกินยาต่อไป เธออ่านหนังสือของต้าฝ่าไม่ได้เนื่องจากสายตาไม่ดี เธอได้แค่ฟังเสียงการบรรยายของท่านอาจารย์เท่านั้น

วันหนึ่งฉันเข้าร่วมศึกษาฝ่ากับพวกเขาและอ่านจิงเหวินใหม่ของท่านอาจารย์ให้พวกเขาฟัง หลังจากฉันอ่านจบ ผู้ฝึกที่กินยาก็ร้องไห้ “ฉันควรทำอย่างไร ฉันทำได้แย่มากและเวลาก็เหลือไม่มากแล้ว ท่านอาจารย์ได้อธิบายให้เราฟังอย่างชัดเจนว่าโรคและความทุกข์ยากของเราเกิดจากกรรมของเราเอง มันเป็นปัญหาของฉันเอง หลังจากบำเพ็ญมานานหลายปี ฉันยังไม่เข้าใจว่าการบำเพ็ญคืออะไร”

ช่วยเหลือผู้ฝึกในอดีตให้กลับมา

สามีภรรยาในวัย 70 ปีเศษคู่หนึ่งให้สถานที่จัดการกลุ่มศึกษาฝ่าตลอด 24 ปีที่ผ่านมา สมาชิกส่วนใหญ่เป็นผู้ฝึกที่เริ่มบำเพ็ญก่อนการประทุษร้ายจะเริ่มขึ้น ไม่นานนี้ผู้เป็นภรรยาต้องรับมือกับสภาพร่างกายที่มีปัญหา เมื่อได้ฟังที่เธอเล่า ฉันก็ตระหนักว่าเธอมีความโกรธเคืองสามีและพี่เขยของเธออย่างรุนแรง

ฉันถามเธอว่า “ถ้าทุกสิ่งที่คุณเจอถูกจัดวางโดยท่านอาจารย์เพื่อยกระดับซินซิ่งของคุณ คุณจะเต็มใจเผชิญกับมันหรือไม่ เมื่อคุณโกรธพี่เขยเพราะเขาไม่เชื่อใจคุณมากพอที่จะให้ดูแลครอบครัวของเขา นั่นไม่ใช่จิตยึดติดต่อชื่อเสียงหรอกหรือ”

แม้เธอจะไม่ยอมรับสิ่งที่ฉันพูดในขณะนั้น แต่ฉันก็รู้สึกได้ว่าทัศนคติของเธอที่มีต่อสามีได้เปลี่ยนไปแล้วเมื่อฉันพบกับเธออีกครั้ง

หลังจากท่านอาจารย์เผยแพร่จิงเหวินใหม่ทั้งสอง ฉันก็ไปพบสามีภรรยาคู่นี้และแบ่งปันจิงเหวินทั้งสองกับพวกเขา คนที่เป็นสามีบอกว่าจิงเหวินนี้จริงจังกว่า "เคาะหัวอีกครั้ง" เขายอมรับว่าในฐานะผู้ฝึกเก่า พวกเขาไม่ควรย่อหย่อนในการบำเพ็ญของตัวเอง

สองวันต่อมาฉันกลับไปเพื่อเอาจิงเหวินฉบับพิมพ์ไปให้ สามีภรรยาคู่นี้บอกฉันว่าพวกเขาได้ติดต่อกับเพื่อนและพี่ชายของฝ่ายสามีซึ่งเคยฝึกต้าฝ่ามาก่อน แต่หยุดไปเนื่องจากการประทุษร้าย เราอ่านจิงเหวินของท่านอาจารย์กับพวกเขา พวกเขาทั้งคู่ก็ตัดสินใจฝึกต้าฝ่าอีกครั้ง พวกเขายังตั้งกลุ่มศึกษาฝ่ากันเองด้วยเนื่องจากพวกเขาอาศัยอยู่ใกล้กัน

หลังออกจากบ้านของคู่สามีภรรยาดังกล่าว ฉันก็ไปบ้านของผู้ฝึกอีกคนหนึ่งเพื่อเอาจิงเหวินของท่านอาจารย์ไปให้ ผู้ฝึกคนนี้เคยเข้าฟังท่านอาจารย์บรรยายฝ่าด้วยตัวเองเมื่อนานมาแล้ว หลังจากอ่านจิงเหวินแล้ว เธอให้ฉันดูรูปท่านอาจารย์ที่ถ่ายร่วมกับผู้เรียนในห้อง เธอยืนอยู่ทางฝั่งซ้ายด้านหลังของท่านอาจารย์ ฉันตื่นเต้นมากที่ได้เห็นรูปนี้

ฉันสังเกตเห็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่ยืนอยู่ทางด้านขวาของท่านอาจารย์ ฉันถามเธอว่าตอนนี้เด็กผู้หญิงคนนั้นเป็นอย่างไรบ้าง เธอบอกว่า "เด็กผู้หญิง" คนนี้ตอนนี้อายุ 40 ปีเศษแล้ว เธอหยุดบำเพ็ญไปนานแล้ว เมื่อไม่กี่วันก่อน ตอนที่ญาติ ๆ ของเธอ (ซึ่งเป็นผู้ฝึกต้าฝ่า) ไปเยี่ยมเธอ เธอไม่ยอมเปิดประตูบ้านให้พวกเขาด้วยซ้ำ ฉันคะยั้นคะยอให้ผู้ฝึกคนนี้คุยกับ “เด็กผู้หญิง” ดังกล่าว และพยายามปลุกเธอให้ตื่น

“ความโกรธเคืองของฉันหายไปนานแล้ว”

ต่อมาฉันไปเยี่ยมสามีภรรยาอีกคู่หนึ่งที่มีอายุ 80 ปีเศษ ทั้งคู่เริ่มฝึกต้าฝ่าก่อนการประทุษร้ายจะเริ่มขึ้น ภรรยาทนทุกข์กับสภาพร่างกายมาสี่ปีแล้วและตอนนี้ต้องนั่งรถเข็น ระหว่างพูดคุยสื่อสารในช่วงสั้น ๆ กับเธอ ฉันสังเกตเห็นว่าเธอเป็นคนมุ่งมั่นและดื้อรั้นมาก

ฉันแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับเธอว่า สำหรับคนที่ไม่ใช่ผู้ฝึก การเป็นคนมุ่งมั่นอาจมองว่าเป็นข้อดี แต่สำหรับผู้บำเพ็ญ หลักการนี้กลับตรงกันข้าม ฉันบอกว่าฉันก็พบปัญหาที่คล้ายกันในตัวเอง และเราควรกระตุ้นเตือนกันและกันให้กำจัดจิตยึดติดนี้ทิ้งไป

เธอบอกฉันว่าเธอสับสนเกี่ยวกับสภาวะของเธอ เธอรู้สึกว่าเธอได้ทำอะไรต่ออะไรให้กับต้าฝ่ามากมาย รวมถึงการจัดสถานที่ศึกษาฝ่าที่บ้านของเธอให้กับผู้ฝึกหลายคน เธอไม่เข้าใจว่าทำไมเธอจึงไม่ได้รับอะไรตอบแทน แต่กลับต้องทนทุกข์ทรมานจากโรคจากกรรม ฉันตระหนักว่านั่นคือปัญหาของเธอแน่นอน เธอหวังว่าจะได้รับอะไรจากการฝึกต้าฝ่า และกลายเป็นความโกรธเคืองเมื่อเธอไม่ได้รับในสิ่งที่เธอแสวงหา ฉันชี้ให้เธอเห็นจุดนี้ และบอกว่ามันอันตรายสำหรับเธอที่จะคิดแบบนั้น เธอยอมรับสิ่งที่ฉันพูดและเปลี่ยนความคิดของเธอ

เมื่อเราอ่านจิงเหวินใหม่ทั้งสองเรื่องของท่านอาจารย์ด้วยกัน เธอบอกฉันว่า “ความโกรธเคืองของฉันหายไปนานแล้ว” เธอเข้าใจแล้วว่าสภาพร่างกายของเธอเป็นผลมาจากกรรมของเธอเองและจากการไม่บำเพ็ญตัวเองให้ดี ตอนนี้เธอกำลังวางแผนที่จะชักชวนน้องสาวของเธอที่หยุดบำเพ็ญแล้วให้กลับมาสู่ต้าฝ่า

“ฉันละทิ้งจิตยึดติดต่อการเสียชีวิตของแม่”

เมื่อต้นปีฉันได้พบกับคนขายของริมถนนขณะที่ฉันออกไปอธิบายความจริง เธอรับเอกสารที่ฉันให้เธอด้วยความยินดี และบอกฉันว่าเธอลาออกจากพรรคคอมมิวนิสต์จีนเมื่อหลายปีก่อน กลายเป็นว่าเธอเคยฝึกต้าฝ่ามาก่อน และทั้งสามีและแม่ของเธอก็เป็นผู้ฝึกเช่นกัน

เมื่อ 10 ปีที่แล้ว แม่ของเธอถูกรถชนระหว่างเดินทางกลับบ้านหลังจากไปส่งเอกสารต้าฝ่าให้กับผู้ฝึกในชนบท อาการบาดเจ็บของเธอสาหัสมากจนเธอเสียชีวิตที่นั่น คนขายของไม่เข้าใจเหตุผลที่แม่ของเธอเสียชีวิต เนื่องจากเธอบำเพ็ญอย่างขยันขันแข็ง ใช้เวลาและพลังงานมากมายในการทำสิ่งต่าง ๆ เพื่อต้าฝ่า เธอก้าวข้ามจุดนี้ไปไม่ได้ เธอจึงหยุดบำเพ็ญ ฉันรู้สึกเสียใจแทนเธอมาก

หลังจากท่านอาจารย์เผยแพร่จิงเหวิน “ทำไมจึงมีมนุษยชาติ” ฉันไปหาเธอและพยายามเกลี้ยกล่อมให้เธอกลับมาฝึกต้าฝ่าอีก เธอไม่ยอม

ฉันไปหาเธออีกครั้งหลังจากจิงเหวินใหม่ทั้งสองเรื่องเผยแพร่ออกมา เธอบอกฉันว่าผู้ฝึกอีกคนหนึ่งมาหาเธอก่อนหน้านี้ไม่นาน และแลกเปลี่ยนกับเธอว่าต้องมีเหตุผลสำหรับการเสียชีวิตของแม่ของเธอ ต่อมาเธอฝันเห็นแม่ของเธออาศัยอยู่ในวัดที่ใหญ่โตงดงาม เธอตระหนักได้ว่าท่านอาจารย์กำลังบอกใบ้ให้เธอว่าแม่ของเธอไปยังสถานที่ที่ดีแล้ว และในที่สุดเธอก็ปล่อยวางจิตยึดติดที่กวนใจเธอมานานถึงสิบปีได้

ตอนนี้เธอเริ่มศึกษาฝ่าพร้อมกับสามีอีกครั้ง

อย่าให้ความผิดพลาดดึงลงมา

อดีตผู้ฝึกอีกคนหนึ่งอาศัยอยู่ใกล้กับคนขายของริมถนนคนนั้น เธอเคยเป็นผู้ประสานงานของสนามฝึกที่มีผู้ฝึก 100 กว่าคน ไม่นานหลังการประทุษร้ายเริ่มต้นขึ้น เธอถูกจับกุมและถูกบังคับให้สละต้าฝ่า และช่วยผู้คุมศูนย์กักกัน "เปลี่ยนแปลง" ผู้ฝึกอื่น

หลังจากที่เธอได้รับการปล่อยตัว เธอรู้สึกละอายใจตัวเอง ซึ่งกีดขวางเธอจากการกลับมาบำเพ็ญใหม่ จากที่ฉันได้พูดคุยสื่อสารกับเธอ ฉันคิดว่าเธอมีความเข้าใจในฝ่าดี แต่เธอก็มีความหวาดกลัวอย่างมากที่ดึงรั้งเธอไว้

ฉันให้กำลังใจเธอ ไม่ให้ยึดติดกับสิ่งที่เธอทำในอดีต มีสุภาษิตจีนว่า “เมื่อตระหนักได้ถึงความละอายใจ ก็ควรเปลี่ยนมันเป็นแรงจูงใจเพื่อทำให้ดีขึ้น” ถ้าใครพอใจกับความสำเร็จในอดีตและไม่ก้าวไปข้างหน้า ที่จริงพวกเขากำลังถอยหลัง แต่ถ้าใครสะดุดล้มเนื่องจากความผิดพลาดในอดีตแล้วไม่ลุกขึ้นมา นั่นยิ่งเป็นความผิดพลาดที่ใหญ่กว่าเดิม ท่านอาจารย์มีความเมตตาไร้ขีดจำกัดให้พวกเรา ท่านอาจารย์ให้เวลาและโอกาสพวกเรากลับมา ฉันบอกเธอว่านี่เป็นครั้งสุดท้ายที่ท่านอาจารย์จะสอนฝ่ากับผู้ฝึกเก่า และเธอควรคว้ามันไว้ ฉันบอกว่าการยึดติดกับการรักษาหน้าและการทำผิดในอดีตไม่ช่วยให้เธอกำจัดกรรมหรือรับประกันอนาคตของเธอ

“มันมาถึงจุดจบแล้วจริง ๆ และฉันรู้ว่าท่านอาจารย์เป็นห่วงเราจริง ๆ” เธอถอนหายใจ ฉันขอให้เธอเข้าร่วมกลุ่มศึกษาฝ่าในท้องถิ่น และช่วยแบ่งปันจิงเหวินใหม่ของท่านอาจารย์ให้คนอื่น ๆ ที่หยุดบำเพ็ญ

ฉวยเวลาเพื่อบรรลุคำปฏิญาณของเรา

สามีภรรยาคู่หนึ่งต่อสู้กับข้อจำกัดทางกายภาพมาเกือบสองปีแล้ว พวกเขาเกือบจะอยากหยุดบำเพ็ญ เมื่อฉันได้ยินเรื่องนี้ ฉันกับผู้ประสานงานจึงอ่านฝ่ากับพวกเขาอยู่เดือนกว่า การเปลี่ยนแปลงของพวกเขามองเห็นได้ทุกวัน

ตอนแรกภรรยาเป็นอัมพาตครึ่งซีกทางด้านซ้ายและเธอต้องนั่งเก้าอี้เพื่ออ่านฝ่ากับเรา ต่อมาเธอสามารถนั่งบนพื้นได้โดยไขว้ขาหลวม ๆ ตอนนี้เธอสามารถนั่งขัดสมาธิแบบขัดขาข้างเดียวได้แล้ว และกระตือรือร้นที่จะหาผู้ฝึกมาอ่านฝ่าด้วยกันในช่วงกลางวัน สามีของเธอดีขึ้นจากการนั่งสมาธิแบบขัดขาข้างเดียวเป็นนั่งขัดสมาธิเพชรได้นานสองชั่วโมง พวกเขาทั้งสองคนรู้สึกขอบคุณท่านอาจารย์ที่ให้โอกาสตามทันการบำเพ็ญ

แม่ของฝ่ายภรรยาก็เป็นผู้ฝึกเช่นกัน แม้เธออายุ 80 ปีเศษแล้ว แต่ผมของเธอยังคงเป็นสีดำ การมองเห็นและการได้ยินของเธอยังดีอยู่ เธอออกไปข้างนอกทุกวันเพื่อพูดคุยกับผู้คนเกี่ยวกับต้าฝ่า คืนหนึ่งเธอเข้าร่วมศึกษาฝ่ากับเรา เธอแลกเปลี่ยนประสบการณ์ให้เราฟังว่าผู้ฝึกที่เธอรู้จักทุกคนตระหนักได้ถึงความเร่งด่วนในการยกระดับซินซิ่งของพวกเขาและการช่วยเหลือผู้คนหลังจากอ่านจิงเหวินใหม่ของท่านอาจารย์

กลับไปที่กลุ่มศึกษาฝ่าของฉันเอง เราถามแต่ละคนด้วยคำถามต่อไปนี้ : “ถ้าท่านอาจารย์มอบอาณาจักรสวรรค์ให้ฉัน ฉันจะมีความสามารถในการจัดการไหม ในฝ่าทั้งหมดที่ท่านอาจารย์สอนเรา ฉันเข้าใจได้มากแค่ไหน ฉันฝึกท่าทุกวันไหม ฉันยังมีจิตยึดติดที่ซ่อนอยู่ลึก ๆ มากเท่าไร ฉันมีนิสัยเห็นอกเห็นใจคนอื่นและค้นหาจากภายในเมื่อมีความขัดแย้งหรือไม่ ฉันได้ช่วยเหลือผู้คนมากเท่าไหร่แล้วและฉันทำเพื่อบรรลุคำปฏิญาณได้ดีแค่ไหน ถ้าการเจิ้งฝ่าสิ้นสุดลงตอนนี้ ระดับชั้นของฉันอยู่ตรงไหน”

จากการแสดงออกของเพื่อนผู้ฝึก ฉันรู้ว่าพวกเราไม่มีใครบรรลุข้อกำหนดของการบำเพ็ญต้าฝ่า การบำเพ็ญต้าฝ่าจริงจังอย่างแท้จริง และเราทุกคนจะต้องตามให้ทันและทำให้ดีกว่านี้